8/22/2012
I am Sorry
ขอโทษ - เป็นคำที่มักได้ยินออกมาจากปากคนที่รู้สึกตัวว่าตัวเองกระทำผิดต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เป็นการแสดงการกระทำที่ดีต่อกัน เพื่อคลีคลายข้อขัดแย้งและความบาดหมางใจซึ่งกันและกัน แต่คำว่าขอโทษนั้น จะออกมาจากจากใจจริงๆหรือว่าแกล้งทำไปเพราะ เพื่อให้เรื่องมันจบๆ หรือ เพราะเกรงกลัวต่ออำนาจบารมี หรือ เพราะอะไรก็แล้วแต่ ผู้กล่าวและผู้รับคำขอโทษต่างจะรู้เองแก่ใจ แต่สิ่งที่น่าสนใจไม่ใช่การหาว่าใครถูกใครผิด แต่เป็นเรื่องใครกันที่สมควรจะได้รับคำขอโทษ ผู้ผิดจะต้องเป็นฝ่ายขอโทษเท่านั้นหรือ? เปล่าเลย การที่ผู้กระทำถูก(ซึ่งอาจถูกคิดทั้งสองฝ่าย)ก็มีสิทธิ์ที่จะกล่าวคำขอโทษได้เช่นกัน เหตุผลนั้นคือ "ชั้นขอโทษที่ชั้นไม่เข้าใจเธอ" เป็นคำขอโทษที่สามารถพูดได้พร้อมกันทั้งสองฝ่าย น่าจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับการปรับความเข้าใจ ช่วยให้ความขัดแย้งต่างๆคลี่คลาย จะช่วยขจัดทั้งทิฐิ และยังไม่ทำให้คนที่คิดว่าตนนั้นถูกถลำลึกเป็นคนที่ในอนาคตจะไม่มีคำว่าขอโทษหลุดจากปากคนคนนั้นเลย เพราะว่าตลอดชีวิตมีแต่คนมาพูดคำขอโทษให้ จึงคิดว่าตนนั้นถูกและมักจะรอแต่คำขอโทษอยู่เสมอ ไม่รู้ว่าการรอคำขอโทษคำนั้นมันจะออกมาจากใจจริงของคนกล่าวคำขอโทษหรือเพราะเกรงกลัวบารมีกันแน่ ส่วนเรื่องของถูกผิดนั้นน่าจะเป็นเรื่องของความเหมาะสม ซึ่งสังคมเป็นคนคิดขึ้นมาแล้วก็ขึ้นอยู่กลับสถาณการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายเผชิญ อาจจะผิดทั้งคู่หรือถูกทั้งคู่ก็ได้ แต่ความเข้าใจกันน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดมากกว่า - เรื่อง paultin
8/21/2012
Book Of The Week
How to win friends and influence people โดย Del Carnegie เป็นหนังสือที่ยังคงขายดีตลอดกาล อยู่ในหมวดจิตวิทยามนุษย์ มีเนื้อหากล่าวถึงธรรมชาติอันแท้จริง สันชาติญาณ ความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ ภายในรวบรวมเหตุการณ์สำคัญๆของบุคคนสำคัญทั่วโลกที่อยู่ในสภาวะความขัดแย้ง อ่านจากชื่อไม่ใช่การกล่าวถึงวิธีปฎิบัติต่อเพื่อนมนุษย์ในแง่ของการหลอกใช้และให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการของตนเองหรือเอาชนะความคิดเห็นของคนอื่น แต่เป็นเรื่องของการเข้าใจความเป็นไปพื้นฐานของมนุษย์ ผมชอบอยู่ตอนนึงที่กล่าวว่า มนุษย์ไม่มีใครโทษตนเอง แม้ผู้นั้นจะทำกระทำผิดมากมายถึงขั้นเป็นอาชญากร เค้าเหล่านั้นก็ยังคงเชื่อว่าเขากระทำถูกแม้จนวินาทีสุดท้ายของการประหาร อะไร?ทำให้พวกเค้าคิดเช่นนั้น การที่เราเข้าใจถึงธรรมชาติของมนุษย์จะทำให้เรารู้ว่า สิ่งที่เราไม่ควรกระทำคือ การตำหนิติเตียนถึงแม้เค้าผู้นั้นจะกระทำผิด เพราะมันไม่ได้ช่วยให้เค้าเหล่านั้นสำนึกผิดหรือแก้ไขให้ดีขึ้นเลย รันแต่จะทำให้ตัวท่านเกิดศัตรู "การตำหนิติเตียนเป็นสิ่งไร้ประโยชน์ก็เพราะจะทำให้ผู้ถูกตำหนิติเตียนแก้ตัวต่างๆและพยายามที่จะเข้าข้างตัวเอง การตำหนิติเตียนเป็นภัย ก็เพราะมันสามารถทำให้จิตใจอันภาคภูมิของมนุษย์ได้รับความปวดร้าว ทำลายความรู้สึกของการเป็นคนมีความสำคัญ และก่อให้เกิดโทสะ" ในหนังสือเล่มนี้ทำให้เราเข้าใจเพื่อนและมิตรรอบข้างมากขึ้น เข้าใจโลกแห่งความเป็นจริง เข้าใจความต้องการของอีกฝ่าย เหตุการณ์ตัวอย่างในหนังสือเล่มนี้มีตั้งแต่ สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ความขัดแย้งในราชวงศ์ หรือแม้แต่ความขัดแย้งทางการเมือง แต่เหตุการณ์เหล่านี้ ยังคงคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ปัจจุบัน สามารถใช้ได้กับการทำงานในองค์กร รวมไปถึงปฎิสัมพันธ์กับเพื่อนมนุษย์ ทั้งในโลกแห่งความเป็นจริง และโลกออนไลน์ที่มีมากไปด้วยสงครามน้ำลายที่เห็นๆกันอยู่
การได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ผมได้เห็นถึงการกระทำของตนเองที่ผ่านมาและการกระทำของบางคนที่กระทำต่อผมและบุคคลอื่น เห็นได้ชัดในความขัดแย้งของคน บางครั้งสมควรได้รับการแก้ไข แต่บางครั้งก็แทบอยากจะเข้าไปเตือนก่อนที่เค้าเหล่านั้นจะถลำลึกลงไปมากกว่านี้ ว่าสิ่งที่เค้ากระทำนั้นไม่ได้ช่วยให้เขาดูเป็นคนที่ยิ่งใหญ่หรือน่าเกรงขามในการกระทำต่ออีกฝ่ายให้รู้สึกขายหน้าด้วยการตำหนิติเตียน รันแต่จะสร้างศัตรู ถ้าเราได้เข้าไปอยู่ในสังคมโลกกว้างจริงๆแล้ว การประพฤติปฎิบัติอันดีต่ออีกฝ่ายจะนำพาซึ่งประโยชน์มายังตัวเองทั้งสิ้น ทั้งนี้ในหนังสือยังพูดถึงความจริงใจ การที่จะไม่ตำหนิติเตียนหรือทำร้ายจิตใจผู้อื่น ก็ไม่ได้หมายถึงให้เป็นคนเสแสร้งแกล้งพูดว่าชอบว่าดี เพราะสิ่งเหล่านั้นมันจะย้อนมาทำร้ายตัวผู้พูดเองในไม่ช้า
ทั้งหมดทั้งมวลนี้มันเป็นเรื่องของความเข้าใจที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ มันเป็นศิลปะของการเป็นผู้นำและการเป็นที่รักของเพื่อน คนรอบข้าง และลูกน้องในองค์กร หากท่านคิดว่าท่านมีมิตรมากพอแล้วไม่จำเป็นต้องทำให้ใครมารักมาชอบอีก หนังสือเล่มนี้ก็คงไม่ได้สร้างประโยชน์อันใดต่อตัวท่าน และไม่คู่ควรที่ได้รับการเรียนรู้จากท่าน จงลืมไปซะละกันว่าไม่ได้อ่านบล๊อคนี้เมื่อ 5 นาทีที่แล้ว
8/14/2012
XXL new in - ความสำเร็จสูงสุดของหญิงสาวและชายหนุ่มในโลกแฟชั่นคือ ได้ใส่เสื้อผ้าไซส์ศูนย์หรือไซส์ที่เล็กที่สุด เพราะมันทำให้พวกเค้าเหล่านั้นรู้สึกอินเทรนด์อยู่ตลอดเวลา? หลายต่อหลายคนพยายามอดข้าวลดน้ำหนักเพื่อที่จะได้ใส่เสื้อไซส์เล็กที่สุดและได้มาซึ่งคำว่าชิค ในความเป็นจริงแล้วคุณไม่ต้องพยายามถึงขนาดนั้นเพื่อที่จะเป็นที่ยอมรับว่าคุณนั้นเก๋และคูล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเป็นแฟชั่นนิสต้าโดยที่ไม่ต้องพยายามอะไรเลย การใส่เสื้อผ้าใหญ่กว่ารูปร่างเราขณะนี้มันอินสุดๆใน fall/winter12 สำหรับชุดสั้นรัดรูปคงต้องเก็บเข้าตู้ไปก่อน oversize coat, jet black jacket หรือ t-shirt ที่มากับไหล่ที่จงใจให้ใหญ่เกินจริงเป็นหนึ่งใน list ของเหล่าแฟชั่นนิสต้า และบอกได้เลยว่าแต่ละแบรนด์พร้อมใจกับตบเท้าออกมาประชันกันเหมือนนัดทานน้ำชากันก่อนเลยทีเดียว เริ่มตั้งแต่ pastel pink coat จาก jil sander คอลเลกชั่นอำลาของ raf simons มันเปรียบเสมือนกับของหายากหรืออาจจะกล่าวได้ว่าเป็นมรดกชิ้นสุดท้ายที่ใครๆก็อยากจะมีไว้ในครอบครองเลยก็ว่าได้ ดังนั้นไม่น่าแปลกใจเลยที่ oversize coat ตัวนี้จะลงทุกเล่มทุกปกหนังสือตลอด3-4 issue ติดๆกัน นอกจากนี้ยังมี stella mccartney, givenchy, celine, acne, commes de garcon , louis vuitton และ balenciaga หลายๆคนอ่านไปแล้วอาจจะคิดว่า จะบ้าหรอเมืองไทยร้อนจะตายจะให้มาใส่โคตรบ้าหรือเปล่า แต่ผู้เขียนจะบอกว่า ถ้าคนที่อยู่ในโลกของแฟชั่น ได้คลุกคลี และเล่นกับมันจริงๆก่อนที่จะออกจากบ้าน จะรู้ว่าสิ่งที่ผู้เขียนพยายามจะบอกคืออะไร Paultin news-http://paultins.blogspot.com/
ปล. แฟชั่นคือความท้าทาย ไม่มีอะไรตายตัวและแน่นอน
8/10/2012
Love Friday Night
picked up some magazines today. i got V magazine (it has 3 covers but i love balenciaga team's cover more), elle UK september issue! and dazed. will for sure spend time in the sofa browsing through inspiring magazines this weekend. have a nice friday night
7/13/2011
Subscribe to:
Posts (Atom)